ความเห็นในการใช้ชื่อภาษาไทยกับอิงคะวิชชาธาตุพม่า

 



ความเห็น ในการใช้ชื่อภาษาไทยกับอิงคะวิชชาธาตุพม่า

          “กราบคารวะ อาจารย์ผู้รจนาคัมภีร์มหาภูติภาษาไทย ที่ผมยกขึ้นมาอธิบาย ความเห็นนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ที่อิงอาศัยกับอิงคะวิชชาพม่าเท่านั้น มิได้มีเจตนาละเมิดหรือดูหมิ่นอาจารย์ผู้รจนาคัมภีร์ดังกล่าวมา อาจริยา ขมถ เม ภนฺเต

 

คุณผู้อ่านครับ

เมื่อเป็นต่างชาติต่างภาษาต่างอักขระกันแล้ว จะถือเอา “อักขระ” ในอิงคะวิชชาอย่างไร?

ผมขอยกเอาเนื้อความในหนังสือคัมภีร์มหาภูติพม่า เรียบเรียงและแปลโดยชยสิรีภิกขุ (สีอ่อง) บทที่ ๖ หน้า ๓๓ ถึง ๓๔ ดังนี้

“บทที่๖

ดาวพระเคราะห์ที่มีความหมายเกี่ยวกับพืช

ดาวอาทิตย์ ออกเสียงสระ อะ พม่าออกเสียง โอง เช่น โองตี แปลว่ามะพร้าว โองปิ่น ต้นมะพร้าว , อินทะผาลัม , ต้นปาล์ม ต้นไม้ที่มีเปลือกแข็งทุกชนิด

ดาวจันทร์ ออกเสียง กะ ขะ คะ ฆะ งะ นามพืชได้แก่ มะขวิด , มะตูม ,มะเขือ , มะเฟือง , มะไฟ , มังคุด , ผักกาดขาวและเขียว , กล้วย , แงบปแวตี , พริก งะยกตี , ขยันตี เหล่านี้เป็นต้น และหมากก้วย หมากกำ ต้นกล้วย ต้นอ้อย น้ำตาล จ่านตะก่า (พม่า)

ดาวอังคาร ออกเสียง จะ ฉะ ชะ ฌะ (ต้นฉบับเขียนณะ) ญะ นามพืชได้แก่ พุทรา ,ฝักบัว ข้าวสาร ข้าวเปลือก งาขาว งาดำ ผักกระเจี๊ยบ น้ำมันพืช พม่า สั่น,สี,เซ,สะบา  เหล่านี้เป็นต้น

ดาวพุธ ออกเสียง ย,ละ,,ว หรือ ยะ ละ ระ วะ นามพืชได้แก่ ฟักเขียว , ฟักทอง บวบ , น้ำเต้า , มะละ , แตงโม , แตงกวา ,ลำใย , เงาะ , รางสาด , มะละกอ ลูกยอ , มะต๋าเสือ , มะนอย , พืชที่มีเถาล้มลุก เลือยดิน ที่ในตัวมีน้ำมากๆ เหล่านี้

รวมทั้งต้นบอนคัน หมูชอบกิน

ดาวเสาร์ ออกเสียง ตะ ถะ ทะ ธะ นะ นามพืชได้แก่ ทุเรียน , น้อยหน่า , น้อยโหน่ง , ขนุน , มะนาว , มะโว่ , ผักขี้เหล็ก , มะกรูด สเดา , ผักขมทุกชนิด

ดาวพฤหัสบดี ออกเสียง ปะ ผะ ภะ พะ มะ ต้นฝ้าย , ต้นยา , ต้นหมาก ต้นไม้เป็นยาทุกอย่าง

ดาวราหูออกเสียง ยะ ละ ระ วะ นามพืชได้แก่ มะเขือบ้า , ต้นฝิ่น , ของมึนเมา ,เครื่องเทศ , มสล่า , ผักดอง , ของเน่า , ไม้เน่า , พืชที่มีฤทธิ์มึนเมา ไม้ตายพราย ไม้ตายซาก เหล่านี้

ดาวพระศุกร์ สะ หะ ฬะ อัง ออกเสียงพม่า (เหล่งป่อตี) ส้มหมากจ๊อก ส้มเกลี้ยง , ส้มโอ , ส้มเขียวหวาน เมื่อผ่าตรงกลางจะเป็นรัศมีเท่ากับราศีจักรคือ ๑๒ กลีบ (๑๒ ราศี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งนามศุกร์นี้ พืชผลใช้เป็นยาสืบอายุซาตา

จงสังเกตุดูว่า พระศุกร์และพระพุธเป็นดาวศุภเคราะห์ทั้งคู่ เป็นธาตุน้ำ ....

เมื่อดาวเหล่านี้เสียก็ห้ามกิน ผักแหละผลไม้ พืช ที่ตรงกับดาวพุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใส้หมู เครื่องในหมู เหล่านี้ เพราะหมูชอบกินพื้ชล้มลุก ผักเขียว , มะละกอ , บอน หยวกกล้วย ของบูดเน่า จึงต้องห้าม

เมื่อท่านเรียนและจดจำดาวพืชได้แล้ว การพยากรณ์ก็จะแม่นขึ้นเป็นลำดับ ตัวท่าน เป็นนักพยากรณ์ ถ้าพืชใดไปตรงกับดาว ภังคะ , ปุตติ แล้วก็อย่ารับทานสิ่งนั้นๆ  เป็นอันขาด จะทำให้วาจาท่านไม่ศักดิ์สิทธิ หลงลืมไม่มีประสิทธิ์ภาพในการทำนาย

 

คุณผู้อ่านครับ การถือเอาอักขระในอิงคะวิชชา มีเป้าหมายสองประการคือโกนะวินจากอักขระทุกตัว และธาตุจากอักขระบางตัว โดยถือเอาจากชื่อสิ่งที่มีชีวิตกับสิ่งที่ไม่มีชีวิตต่างกัน สิ่งมีชีวิตยังแยกประเภทคนและสัตว์ สำหรับสัตว์ยังแยกเป็นสัตว์บกกับสัตว์น้ำอีกด้วย สิ่งมีชีวิตเช่นคน สัตว์บก ถือเอาอักขระต้น (โดยละคำนำหน้าชื่อ) ส่วนสัตว์น้ำถือเอาอักขระปลาย ส่วนสิ่งไม่มีชีวิตถือเอาอักขระปลายทั้งสิ้น และยังมีบางคำที่ถือเอาตามหลักการถอดเสียงการันต์ (เช่นในอิงคะวิชชายา ปุคคลปัญญัติ)

การถือเอาอักขระในตำรามหาภูติพม่า (สุริยะ....) กล่าวเป็นนัยตรงข้าม เอาอักขระจากสิ่งมีชีวิตให้เอาปลายนาม จากสิ่งไม่มีีชีวิตให้ถือเอาต้นนาม จากข้อความว่า 

“ถ้าจับยามของหาย คนหนี คนจะตายและมิตายก็ดี หรือคน เดิรทางจะมาถึงเมื่อใด หรือยังไม่มาประการใดก็ดีหรือทรัพย์ สมบัติวัตถุอันใดๆ ก็ดี ถ้ามีวิญญาณจงเอาปลายนามของสิ่งนั้น ถ้าไม่มีวิญญาณจงเอาต้นนามของสิ่งนั้นเมื่อจับยามพบนามสิ่งของในช่องค่าตราง เช่นพบในช่อง ไชยยํ สุขํ ลาภํ ดังนี้

ทายว่าจะสำเร็จทุกอัน เช่น

สำหรับคำว่า “ปลายนาม” อ.สุริยะ คงอาจหมายถึงชื่อบุคคลนั้นไม่ถือเอาคำนำหน้าด้วย ในข้อความว่า

ถ้าชื่อเดี่ยว ใช้ชื่อนั้น ถ้าชื่อสองคำเช่น นายอำไภย ใช้แต่ไภย อำ นายกับอำมิให้ใช้

หรือคำว่า “ปลายนาม” นั้นอาจหมายถึงอักขระท้ายคำจริงๆ ดังคำจากต้นฉบับว่า 

หรือมีนามหลายคำ จงเอาคำสุดท้ายคำเดียว วิธีใช้นามจำพวกที่มีวิญญาณ ดังกล่าวไว้พอสังเขปแต่เท่านี้ วิธีใช้นามที่ไม่มีวิญญาณ  เช่นถามว่าจะอยู่บางกอกดีไหม ควรใช้บางคำเดียว

ถามว่าจะได้ที่ดินไหม ควรใช้แต่ ที่ คำเดียว

ถามว่าจะซื้อไม้สักได้ไหม ควรใช้แต่ไม้ คำเดียว

ฉะนั้น ไม่ว่าสรรพสิ่งอันใด ถ้ามีวิญญาณแล้วควรใช้คำปลายของนามนั้นทั้งสิ้น

ส่วนสิ่งที่ไม่มีชีวิตนั้น ให้ถือเอา “ต้นนาม” ทั้งสิ้นจากข้อความต้นฉบับว่า ( ซึ่งตรงข้ามกับอิงคะวิชชาพม่า ที่ว่า “สิ่งไม่มีชีวิตให้ถือเอาอักขระปลาย ดังที่ได้กล่าวมาแลว)

ถ้าไม่มีวิญญาณควรใช้ต้นนามทั้งสิ้น ถ้าอยากจะรู้ให้พิศดารกว้างขวาง ก็ควรดูในตารางข้างต้น ซึ่งอยู่แห่งหมวดหลักมหาภูตินั้น แต่ตำราองค์วิชชานี้เปนคัมภีร์ใหญ่อันหนึ่ง คือ วิธีตรวจชะตาราษี วิธีจับยาม วิธีรักษาโรคภัย วิธีทำเลขยันต์ วิธีแปลธาตุ วิธีแกะพระบูชาให้เจริญ วิธีปลูกต้นไม้ทางทิศนั้นทางทิศนี้ให้เจริญ เปนต้น แต่ข้าพเจ้าจะแปลจากภาษาพม่าให้ท่านทั้งหลายดูในเล่ม ๒ ต่อไป

 

คุณผู้อ่านครับ

เมื่อพิจารณาที่มาของอิงคะวิชชาคือประเทศเมียนมา จึงถือเอาอักขระพม่าเป็นสำคัญ อักขระที่อิงคะวิชชากำหนดนั้น ใช้เป็นฐานในวิชชาอื่นๆ ด้วยเช่น เซปิญญา (รักษาด้วยธาตุ ในยาแผนโบราณ) การตั้งชื่อตามโหราศาสตร์ อัคคิยัติ (การเล่นแร่แปรธาตุ) รวมถึงเครื่องราง ก็ใช้อักขระจากข้อกำหนดของอิงคะวิชชา ในการคำนวณเป็นโกนะวิน เป็นต้น วิชชาเหล่านี้มีสูตร และยกตัวอย่างนามชนิดต่างๆ ไว้เป็นแม่บทแล้ว เมื่อใช้ชื่อนามนั้นในต่างถิ่นต่างภาษา อาจกลายเป็นอักขระอย่างอื่นที่ไม่ตรงกับข้อกำหนดแต่เดิม และถ้ามีการสร้างเกณฑ์ขึ้นใหม่ ก็อาจต้องแก้ชื่อตัวอย่าง ในอิงคะวิชชาอื่นๆ อีกด้วย

 

กลับมาที่ชื่อวัตถุต่างๆ ในหนังสือมหาภูติของชยสิรีภิกขุ (สีอ่อง) พบว่าวัตถุบางชนิดตรงกับอักขระวันในอิงคะ และบางชนิดไม่ตรงกับอักขระวัน เมื่อเทียบชื่อนั้นในภาษาพม่ามีการถือเอาอักขระต้น อักขระปลายตามอิงคะวิชชาพม่า แต่การรวมเอาพืชทุกชนิดในตระกูลเดียวกัน ยังไม่ปรากฏพบในตำราอิงคะวิชชาใดๆ (ในขณะที่เรียบเรียงตำรานี้ ๒๕๖๗)

เช่น อินทะผาลัม ที่เป็นอักขระวันอาทิตย์นั้น ในชื่อภาษาพม่าคือ စွန်ပလွန် สิ่งไม่มีชีวิตถือเอาอักขระปลายคือ อักขระ เป็นธาตุวันพุธ เป็นต้น หากอธิบายด้วยการกำหนดอักขระตามเสียงว่า “อินทะผาลัม” ออกเสียง "อะ"  ดังที่กล่าวว่า “อาทิตย์ออกเสียง อะ” แต่ชื่อในวันอื่นๆ กลับไม่ได้ถือเอาเสียง เช่น ดาวพุธ ออกเสียง ย,ละ,,ว หรือ ยะ ละ ระ วะ นามพืชได้แก่ ฟักเขียว , ฟักทอง บวบ , น้ำเต้า , มะละ , แตงโม , แตงกวา ,ลำใย , เงาะ , รางสาด , มะละกอ ลูกยอ , มะต๋าเสือ , มะนอย

 

 

อินทะผลัม

เสียง อะ เป็นอาทิตย์

(ชยสิรีภิกขุ (สีอ่อง))

พม่า စွန်ပလွန်

อังคาร  (มะริด)

 

 

ชื่อเฉพาะ (วิสามานยนาม) ในพืชเหล่านี้ ไม่มีเสียง ยะ ละ ระ วะ ตรงตามเสียงดาวพุธ เช่น แตงโม แตงกวา เงาะ มะนอย เป็นต้น ส่วนพืชที่มีเสียง ยะ ละ ระ วะ  นั้น เป็นเสียงที่หนึ่งบ้าง เช่น ลำไย รางสาด เป็นเสียงที่สองบ้าง เช่น มะละ มะละกอ เป็นต้น ไม่มีกฏเกณฑ์แน่นอน

ชื่อในหนังสือคัมภีร์มหาภูติพม่า (ชยสิรีภิกขุ) เมื่อเทียบกับชื่อพม่าได้ดังนี้

มะขวิด / သီး /                      ลำไย  /လုံးငန်းသီး,

တောကြက်မောက်သီး, တရုတ်လိုင်ချီး/

มะตูม  / ဥသျှစ် /                  มะเขือ / ခရမ်း /

มะเฟือง / စောင်လျား /           มะไฟ / ကနစိုး /

มังคุด   / မင်းကွတ် /              ผักกาดขาว / မုန်ညင်းဖြူ /      

พุทรา  / ဆီး , ဇီး /                 ทุเรียน / ဒူးရင် /

น้อยหน่า / ဩဇာ /                เงาะ / ကြက်မောက် /  

ลูกยอ  / ရဲယို /

ข้าวสาร / ဆန် , ကောက်ဆန် /  ข้าวเปลือก / စပါး /    

งาดำ   / နှမ်းထောင်း /            กระเจี๊ยบ / ရုံးပတီ /    

มะนาว / သံပုရာ /                  มะโว่ / ကမလာ /        

ฟักเขียว / ကျောက်ဖရုံ /          แตงโม / ဖရဲ /   

ฟักทอง / ရွှေဖရုံ /                  บวบ / ခဝဲ /     

แตงกวา / သခွား /                 มะระ / ဘူးခါး /

ขี้เหล็ก / ငုသိမ် /                   มะกรูด / ရှောက် /       

ฝ้า / ဝါ /                                  ขนุน / ပိန္နဲ /     

 

คำนามวิสามัญ ที่ไม่มีชื่อเรียกในภาษาอื่นๆ มักใช้พยัญชนะของประเทศนั้นๆ ในเขียนการเทียบเสียง เช่นเขียนชื่อถนน ชื่อสถานที่ต่างๆ ที่เป็นคำนามวิสามัญไทย ด้วยอักษรโรมัน หรือเขียนชื่อบ้านเมืองของประเทศเมียนมาด้วยพยัญชนะไทย เช่น ရန်ကုန် ย่างกุ้ง  မန္တလေး มัณฑเลย์ ပုဂံ พุกาม เป็นต้น เมื่อเขียนชื่อบุคคล หรือชื่อสถานที่ พยัญชนะไทย เทียบพยัญชนะพม่าหรือพยัญชนะพม่าเทียบพยัญชนะไทย ได้ธาตุและวันในอิงคะวิชชา เทียบพยัญชนะ ดังต่อไปนี้

 

วันอาทิตย์

အ ဧ ဣ ဥ ဩ  ( อ )

วันจันทร์

က (ก)(ข)  (ค)(ฆ)(ง)

วันอังคาร

(จ) (ฉ)(ช)(ฌ)(ญ)

วันพุธ

(ย)(อ)(ว)

วันพฤหัสบดี

(ป)(ผ)(พ) (ภ)(ม)

วันศุกร์

(ส)(ห)

วันเสาร์

(ฏ)(ฐ)(ฎ,ด)(ณ)

(ต) (ถ)(ท)(ธ)(น)

ราหู

(ร) ဠ (ฬ)

 

ตัวอย่าง ชื่อบุคคลและสถาน เช่น มะริด + บางบอน + ชื่อบุคคลที่เป็นชื่อผลไม้ เช่น แตงกวา တိန်ကွာ (တ+က) เป็นอักขระ วันเสาร์ + วันจันทร์ จะใช้แตงกวาภาษาพม่าว่า သခွာ จะผิดจากวันเกิดแท้จริง

อีกตัวอย่างหนึ่งครับ อิงคะวิชชาว่าด้วยยามีลิงกาว่า “ด้าดตูหนั่นตู เซแพะหยู่ หนั่นตู่ ตั๊ดก๊ะ อะเตยะ” จัดยาให้คนป่วยด้วยอักขระตรงวัน สามารถกำจัดไข้ได้

“ตัวเรือดกัด ใช้ส้มป่อยทาบริเวณแผลกัดให้หายคัน หรือใช้ผงส้มป่อยโรยได้ที่นอน ป้องกันตัวเรือดกัดได้” ...

มาวิเคราะห์คำที่ใช้กันครับ

ตัวเรือด ကြမ်းပိုး /จานโป/  2+5 จันทร์ + พฤหัสฯ

ส้มป่อย ကင်ပွန်း /กินปูน/ 2+5 จันทร์ + พฤหัสฯ

หากถือเอาการตีความอักขระตำรามหาภูติของชยสิรีภิกขุ (สีอ่อง) ตัวเรือด อักษรออกเสียง ระ เป็นวันพุธ ส้มป่อย เป็นอักขระวันศุกร์ หากถือเอาตำรามหาภูติ(อ.สุริยะ) สิ่งไม่มีวิญญาณให้ถือเอาอักษรหน้า (อ.สุริยะ ใช้ในการทำนาย จึงใช้ไม่ได้กับอิงคะวิชชาธาตุ เรื่องยานี้)

ผมจึงเห็นว่าควรที่จะตีความอิงคะวิชชาตามอักขระภาษาพม่า ซึ่งเป็นที่มาของอิงคะวิชชา แทนการประยุกต์ภาษา จึงจะได้ความหมายตรงตามความประสงค์ของอิงคะวิชชาธาตุมากกว่า

คุณผู้อ่านครับ ความเห็นดังที่ผมแสดงมานี้ เป็นการตีความตามตัวอักษรในหนังสือดังกล่าวเท่านั้น ผมไม่มีโอกาสได้เรียน หรือปรึกษาอาจารย์ผู้รจนาหนังสือ จึงอาจเข้าไม่ถึงเจตนาของท่าน หรือบางทีผู้รจนาอาจมีสูตรเฉพาะตัว ที่ให้ผลลัพธ์อย่างเดียวกันกับอิงคะวิชชาพม่าดั้งเดิมก็เป็นได้

“อาจริยา ขมถ เม ภันเต”

 

ข้อความอ้างอิง “มีชีวิตถือเอาอักขระต้น ไม่มีชีิวิตถือเอาอักขระปลาย”

"သက်ရှိအရင်း၊ သက်မဲ့အဖျား"

သက်ရှိအရင်းဟု ဆိုသဖြင့် လူ၊ တိရစ္ဆာန်တို့သည် အသက်ရှိ ဖြစ်ကြ၍အရင်းမှစကားလုံးကို ယူရန်ရှိပါသည်။ ယူရပါမည်။ သို့သော် ရေသတ္တဝါတို့ကိုမူ နောက်ဆုံးစကားလုံးကိုသာ ယူရ ပါမည်။အဘယ်ကြောင့်ဆိုသော်ရေသတ္တဝါများ၏ ရှေ့စကားလုံး -များသည် အများနှင့်သက်ဆိုင်သောစကားလုံး ဖြစ်နေ၍ ရှေ့စာလုံးမယူဘဲ နောက်ဆုံးစကားလုံးကိုသာ ယူရမည်ဟု မှတ်သားထားစေလိုပါသည်။

သို့ဖြစ်၍ လူနှင့်ကုန်းနေသတ္တဝါတို့၏နေ့နံကို ကောက်ယူရာတွင်

အစဦဂ အရင်းလုံးကိုကောက်ယူရမည်။ အစဦးစာလုံးသည် အမည်ခေါ်ယူရာတွင် ရှေးဦးခေါ်ယူတွေ့ရသဖြင့် ပညတ်ဓါတ် အသက်ရောက်မှု အားအရှိဆုံးဖြစ်သည်။ ပညတ်ခိုက်ရာ ဓါတ်သက်ပါကြောင်းဟုဆိုသဖြင့် လူနှင့်ကုန်းနေသက်ရှိတို့မှာ

ရှေ့ဆုံးစကားလုံးကို နံကောက်၍ ဓါတ်ခွဲယူရမည်။ ရှေ့ဆုံးစကားလုံးမှာ ဓါတ်သက်ရှိသည်။

 

မှတ်ချက်။ ။ မွေးနေ့နှင့် မှည့်ခေါ်သော နာမည်၊ မည်သည်ကို ယူမည်နည်း?

အင်္ဂဝိဇ္ဇာ၊ ဗေဒင်စသည်တို့တွင် မွေးသောနေ့နံကိုယူ၍ တွက်ကြ၊ ဓါတ်ဆင်ကြသည်။

ယခု ပုဂ္ဂလပညတ် ဓါတ်ပညာကမူ၊ ပညတ်ဆိုသည့်အတိုင်း မှည့်ခေါ်ပညတ်ထားသောနာမည်ကိုသာယူ၍ ဓါတ်စာပေး ရသည်။

ဥပမာ- တနင်္ဂနွေသား မောင်ကျော်ဟု အမည်ရှိပါက တနင်္ဂနွေဖြင့် ဆေးချက်မချရ၊

၎င်းအား အများကခေါ်နေကြသော ကျော်=တနင်္လာနံကိုယူ၍ ဓါတ်ဆင်ဆေးကုရမည်။

 

ဒေါက်တာနွယ့်ဝင်း (P. 29-30)

အင်္ဂဝိဇ္ဇာမည်ပုံ 

ယာတြာမည်ပုံ             

Comments

Popular posts from this blog

ဇောင်ချမ်းပင် ไก่ไห้ หรือควายเลีย

sex doll မယ်တော်